เทศน์เช้า วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้วันพระเนาะ วันนี้วันพระ วันพระของชาวพุทธเรานะ วันพระวันหาบุญหากุศล หาบุญหากุศลของเรา ทำไมต้องมีบุญกุศล ถ้ามีบุญกุศล จิตใจของคนมันมั่นคง จิตใจคนมีหลักเกณฑ์ไง จิตใจคนไม่มีว้าเหว่
เราเกิดมา เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอนถึงการเสียสละ การเสียสละเพื่ออำนาจวาสนาบารมีของตน ถ้าการเสียสละโดยความเป็นธรรมๆ นะ ไม่ใช่การชักจูงๆ การชักจูง เราไม่เห็นผลของมันไง
ถ้าเรามีความตั้งใจ มีความปรารถนา เจตนาของเราเพื่อบุญกุศลของเราๆ บุญกุศลมันยิ่งใหญ่นะ ถ้ามันยิ่งใหญ่ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ เวลาตกน้ำ ตกน้ำก็มีคนมาช่วยเหลือ พอไฟไหม้ก็มีคนมาช่วยเหลือ คำว่า “ช่วยเหลือๆ” ถ้าเราช่วยเหลือตัวเราเองได้มันประเสริฐที่สุด ถ้าเราช่วยเหลือตัวเราเองได้ เราจะไม่ตกน้ำตกท่า เราไม่เจออุบัติเหตุ
การเจออุบัติเหตุ เจอเพราะความประมาทหนึ่ง การถึงเรื่องเวรกรรมมันให้ผลหนึ่ง เวลาให้ผลหนึ่ง เราสร้างบุญกุศลของเราๆ
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไม่ให้ประมาท ความไม่ประมาทเลินเล่อของเรา ถ้าความไม่ประมาทเลินเล่อของเรา สิ่งที่จะเกิดขึ้นๆ ถ้ามันเกิดขึ้นมันเป็นผลของกรรมๆ ผลของกรรมนั้น เราสร้างคุณงามความดีของเรา มันจะมีคนช่วยเหลือมีคนเจือจานเรา คนช่วยเหลือเจือจานเราด้วยอำนาจวาสนาบารมีของเรา
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาพูดถึงเรื่องการปฏิบัตินะ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเท่านั้น ถ้ามรรคมันจะเกิด มันเกิดจากจิตนั้น ถ้าจิตนั้นมีอำนาจวาสนามา จิตนั้นมีอำนาจวาสนา ทำความสงบของใจเข้ามา ถ้าใจสงบระงับแล้ว แล้วถ้าเกิดปัญญามันเกิดมรรคเกิดผล เกิดมรรคเกิดผลในหัวใจดวงนั้น ถ้ามันเป็นมรรคเป็นผล เป็นมรรคเป็นผลขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมและวินัยเป็นศาสดาของเรา เราระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นรัตนตรัย เป็นที่พึ่งอาศัยของเรา เป็นที่พึ่งอาศัย นี่สัจธรรม สัจธรรมมันเป็นความจริงไง ถ้าเป็นความจริง เห็นไหม
คนเรามันมีมาตรฐาน มาตรฐานคนเรามีความสามารถมากน้อยแค่ไหนก็ทำผลงานได้มากน้อยแค่นั้นตามมาตรฐานของตนๆ ถ้ามาตรฐานของคนมีมาตรฐาน ถ้ามาตรฐาน ทำสิ่งใดปัจจุบันธรรมๆ มีสิ่งใดที่ติดขัด ขัดข้อง เราก็ใช้ความสามารถของเราจนสุดความสามารถของเรา จนสุดความสามารถของเรา เห็นไหม ดูสิ มาตรฐานของกีฬา ฟุตบอลๆ นักกีฬามีมาตรฐานมาก แต่เขาต้องอาศัยโชคนะ ถ้าโชคไม่เข้าข้างเขา มาตรฐานเราสูงกว่าเขานะ มาตรฐานมีความสูงมาก มีความสามารถมาก แต่วันนี้อับโชค ไม่ได้เลย ทำอย่างไรก็ไม่ได้
แต่คนที่มาตรฐาน คำว่า “มาตรฐาน” มาตรฐานมันเป็นเรื่องมาตรฐาน เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องการพิสูจน์ เราก็เหมือนกัน เวลาเราเหมือนกัน เราเกิดมา เรามีสุขภาพกายที่ดี เราออกกำลังกายของเราทุกวันๆ เพื่อสุขภาพกายที่ดี เพื่อสุขภาพกายที่ดี คนเราเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมามันก็มีกรรมมาตัดรอน คำว่า “มาตรฐานของเรา” เราก็ทำสุดความสามารถของเรา ถ้าเราทำสุดความสามารถของเรา ถึงที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องของเวรเรื่องของกรรมแล้ว เราทำสุดความสามารถของเรา
ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน สอนถึงมนุษย์เราจะล่วงพ้นทุกข์ด้วยความเพียร ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ เรามีความเพียรของเรา มีความขยันหมั่นเพียรของเรา เราทำสุดความสามารถของเรา เราพยายามสร้างอำนาจวาสนาของเรานะ ถ้ามีอำนาจวาสนาของเรา ขันติธรรมๆ
คนที่มีขันติธรรมมีความอดทนมากกว่า เขาอุตสาหะมากกว่า ความอุตสาหะมากกว่า เขามีโอกาสมากกว่า คนที่อ่อนแอ คนที่ไม่เอาไหนเลย ไม่ได้ทำสิ่งใดเลย รอแต่ความช่วยเหลือของคนๆ คนคนนั้นนะ มันจะมีความทุกข์ในใจของตน
คนจะมีความทุกข์มาก ทำดีแล้วไม่ได้ดี ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เห็นแต่คนเขาทำแต่ความชั่วของเขา จับผิดแต่เขา เขาทำสิ่งใดไม่พอใจเราทั้งนั้นน่ะ เราเป็นคนดีที่สุด เรามีความสามารถที่สุด เราทำดีที่สุด แต่ทำไมเราทุกข์เรายากขนาดนี้ เวลาความคิดของคน เวลาคนอ่อนแอที่มันคิด มันคิดอย่างนั้นน่ะ
แต่ถ้าเป็นคนที่มีอำนาจวาสนานะ นี่คือโอกาสของเรา เราจะเร่งความเพียรของเรา โอกาสของเรา เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เวลาเราเกิดมาแล้ว เกิดมานี่อริยทรัพย์ สิ่งที่มีชีวิตเกิดมาด้วยบุญกุศล ถ้าไม่ใช่ด้วยบุญกุศลนะ เวลาหลวงตาท่านสอนบอกว่า ถ้าเปิดโลกธาตุ ๓ โลกธาตุถ้ามองเห็นกันนะ คนจะไม่ทำความชั่วเลย นี่เพราะมันเห็น ดูสิ นรกอเวจีมันมหาศาลขนาดไหน เวลาดูบนสวรรค์ คนที่มีความสุขเพลิดเพลินของเขา
ไอ้เรามาอยู่ภพกลาง ภพกลางเราเกิดมาเป็นมนุษย์ไง เกิดเป็นมนุษย์ ในบรรดาสัตว์สองเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด การเกิดเป็นมนุษย์ เกิดให้มีโอกาสได้เร่งความเพียรของตน ถ้าเร่งความเพียรของตน เราเกิดเป็นมนุษย์ด้วยอำนาจวาสนาของเรา เรามีโอกาสของเรา ถ้าเรามีโอกาสของเรา เรามีความเชื่อในพระพุทธศาสนา
ในพระพุทธศาสนาโดยทั่วไป วัดบ้าน เขาไปทำบุญกุศลกัน เราก็ว่าเขาไปดูมหรสพสมโภชกัน เขาไปเล่นเพลิดเพลินกัน เราเป็นลูกศิษย์กรรมฐานไปทำบุญวัดป่า วัดป่า วัดที่เขาพร้อมที่จะประพฤติปฏิบัตินะ วัดปฏิบัติๆ เขาไปในวัดนั้น วัดนั้น ดูความสงบร่มเย็นในวัดนั้น ดูครูบาอาจารย์ที่ดีเขาจะสงวนรักษาเวลาให้ลูกศิษย์ลูกหาได้ประพฤติปฏิบัติ เวลาการประพฤติปฏิบัติ นั่นน่ะให้เข้าไปเผชิญกับความจริงในใจของเขา
เวลาคนที่จะชำระล้างกิเลสก็ต้องชำระล้างกิเลสในใจของตน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ชี้บอกทางเท่านั้น ชี้บอกทาง เส้นทางของเธอต้องเดินไปตามเส้นทางอย่างนั้น แล้วเส้นทางของเธอ เราจะเดินเส้นทางของเรา เราก็ไม่แน่ใจ เราก็ลังเลสงสัยในเส้นทางของเรา เส้นทางของเรา เราไปไหน เราทำสิ่งใดล้มเหลวทั้งนั้นเลย
เราไปวัดป่าๆ มีข้อวัตรปฏิบัติของเขา ถ้าข้อวัตรปฏิบัติของเขา เราพยายามขวนขวายของเรา นี่ข้อวัตรปฏิบัติของเขา แต่เราพยายามขวนขวายของเรา ถ้าความขวนขวายของเรามันก็เป็นประโยชน์กับเรา เรามีโอกาสเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนาเพื่อค้นคว้าหาหัวใจของตน ถ้าได้หัวใจของตนขึ้นมาแล้ว งานจะเกิดที่นั่น
ในศาสนาไหนไม่มีมรรค ในศาสนานั้นไม่มีผล สุภัททะๆ ไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ที่มีปัญญามากนะ เขาศึกษาลัทธิต่างๆ มามหาศาลเลย นู่นก็สุดยอด นี่ก็ยอดเยี่ยม นั่นก็มหัศจรรย์ สุดท้ายแล้วนะ มันมีดีไปทั้งนั้นเลย ตัวเองก็ไม่มีจุดยืน
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันวิสาขบูชา ท่านจะปรินิพพาน ข่าวร่ำลือไป ถ้าวันนี้เราไม่ไปถามนะ ไม่มีโอกาสแล้ว เพราะถือตัวถือตนมาก เวลาไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอานนท์กันไว้เลย ไม่ให้เข้า เพราะอะไร เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำลังจะปรินิพพาน คนกำลังจะตาย เอ็งมากวนอะไรอีกล่ะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “เรามาก็เพราะเหตุนี้อันหนึ่งเหมือนกัน อานนท์ ปล่อยให้เขาเข้ามา”
เขาก็จะไปถามนู่นถามนี่ คนกำลังจะตายนะ ถามนู่น ถามนี่ ถามนั่นน่ะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเบรก “สุภัททะ เธออย่าถามให้มากไปเลย ศาสนาไหนไม่มีมรรค ศาสนานั้นไม่มีผล” ศาสนาไหนไม่มีเหตุ มันจะเกิดผลขึ้นมาไม่ได้ ไม่มีเหตุ เห็นไหม ให้พระอานนท์บวช คืนนั้นบวชขึ้นมา ประพฤติปฏิบัติเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาองค์สุดท้าย ศาสนาไหนไม่มีเหตุ
นี่ก็เหมือนกัน ในหัวใจของเราถ้ามันไม่มีเหตุ เรามีแต่ข่าวลือ เรามีแต่ความร่ำลือจากคนอื่นทั้งนั้นน่ะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สาธุ ธรรมะเป็นธรรมชาติๆ ก็ธรรมชาติทั้งนั้นน่ะ ถ้าธรรมชาติ เราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เราก็ต้องเวียนว่าตายเกิดในวัฏฏะนั้น วิวัฏฏะๆ ออกจากวัฏฏะนั้น ถ้าออกจากวัฏฏะนั้นมันเหนือธรรมชาติ เหนือธรรมชาติเพราะอะไร เพราะหัวใจมันรู้เท่าทันธรรมชาติ แล้ววางธรรมชาติไว้ตามความเป็นจริง
ไอ้นี่ธรรมชาติก็ไม่เข้าใจนะ นั่นก็เป็นธรรมชาติ นี่ก็เป็นธรรมชาติ โน่นก็เป็นธรรมะนะ แล้วเราล่ะ เราก็เป็นเศษฝุ่นไง ปลิวไปในธรรมชาตินั้นไง นี่ไง ดูสิ ฝุ่นในอากาศมันก็ปลิวไปตามอากาศนั้นไง แล้วก็หมุนไปตามนั้นหรือ
แต่ถ้าเรามีจุดยืนของเรา เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เรามีศรัทธามีความเชื่อ มีศรัทธามีความเชื่อของเรา สุขทุกข์มันเกิดที่ใจของเรา เวลาเกิดขึ้นมา ปฏิสนธิจิตเกิดในไข่ ในครรภ์ ในน้ำครำ ในโอปปาติกะ กำเนิด ๔ เกิดไม่รู้ พ่อแม่บอกถึงได้รู้ เกิดมาแล้วมีสติปัญญาขึ้นมา เราถึงมีศรัทธาความเชื่อของเรา ถ้ามีศรัทธาความเชื่อของเรา เราทำบุญกุศลของเรา ทำหน้าที่การงานสิ่งใดประสบความสำเร็จ นั่นก็เป็นอำนาจวาสนาของเรา ปัจจัยเครื่องอาศัยๆ
การกำเนิด ๔ กำเนิดแล้วต้องมีอาหาร อาหาร ๔ ในวัฏฏะ กวฬิงการาหาร เราก็ต้องหาเลี้ยงชีพของเรา ถ้าเราอยู่ในโลก เราทำสิ่งใดประสบความสำเร็จ มันก็เป็นปัจจัยเครื่องอาศัย เครื่องอาศัยเพื่อดำรงชีพนี้ ดำรงชีพนี้แล้ว ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ถึงเวลาแล้วก็ต้องตายไป เวลาตายไปแล้ว ซากศพก็ทิ้งไว้ที่นี่ จิตก็เวียนว่ายตายในวัฏฏะต่อไป จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะในการกระทำของตนด้วยเวรด้วยกรรมของตน
ถ้ามีอำนาจวาสนา สิ่งนี้เราก็ทำมา ปัจจัยเครื่องอาศัยๆ ของที่อาศัย เราก็อาศัยแล้ว ชีวิตนี้ ดูสิ คนคิดว่า โอ้โฮ! เกิดมาทุกข์มายาก บวชพระ บวชพระขึ้นมา ภิกขาจาร บิณฑบาตเลี้ยงชีพ ถ้าบิณฑบาตเลี้ยงชีพนะ ถ้าศีลของเราสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมา ศีลของเราเป็นที่น่าชื่นชม เราก็จะบิณฑบาต มันก็จะมีอาหารตกบาตร ถ้าเราเป็นโมฆบุรุษ เรามีแต่ทำลายตัวเอง มันเป็นกลิ่นเหม็น ไปบิณฑบาตที่ไหนเขาก็ไม่ให้กิน เขาไม่สนใจจะใส่บาตรให้หรอก
นี่ไง นี่พูดถึงว่า ถ้ามันบอกกังวลนักว่าเราจะไม่มีปัจจัยเครื่องอาศัยๆ
ปัจจัย ๔ ผู้ที่เขาจะค้ำจุนมหาศาล ชาวพุทธ ชาวพุทธเขาต้องการให้ผู้ประพฤติปฏิบัติให้มีคุณธรรมในหัวใจขึ้นมา จะได้มาสั่งสอนเราด้วย จะได้มาบอกเราด้วยไง บอกเราด้วยๆ ใครๆ ก็ชื่นชม เนื้อนาบุญของเขาๆ เขาก็อยากจะเอาพันธุ์พืชของเขาหว่านไปในเนื้อนาที่ดี เขาก็หวังพึ่งเนื้อนาอันนั้น
ถ้าเรากังวลว่าเราจะไม่มีปัจจัยเครื่องอาศัย บวชพระ บวชพระแล้วไม่มีใครให้กินเลยล่ะ เพราะบวชแล้วมันไม่ทำอะไร
ถ้าบวชพระๆ มา บวชทำไม บวชมาเป็นสมมุติสงฆ์ บวชมาในญัตติจตุตถกรรม บวชมาแล้วมาเป็นสมมุติสงฆ์ สมมุติๆ ไง เวลาโกนหัวแล้ว โกนคิ้วโกนหนวดแล้ว นุ่งห่มผ้ากาสาวพักตร์ แต่หัวใจมันยังไม่ได้บวชไง พอบวชมาแล้วมันก็มาทุกข์มายาก มันก็อมทุกข์ในหัวใจนี่ไง ถ้ามันอมทุกข์ในหัวใจ กินอิ่มนอนอุ่นมันก็เป็นวิชาหมูไง เวลาหมูมันกินอิ่มนอนอุ่นแล้วมันก็จะตัวอ้วนๆ ไง อ้วนๆ ที่ไหน กิเลสมันก็อ้วนไปด้วยไง มันเกิดทิฏฐิมานะไปหมดเลย เราเป็นพระ เรามีความสำคัญ เรายิ่งใหญ่ทั้งนั้นเลย นั่นแหละทิฏฐิทั้งนั้นน่ะ
การทำความสงบของใจคือทิฏฐิมานะนั้นสงบตัวลง มันยอมในพุทโธ ธัมโม สังโฆ ถ้ามันยิ่งใหญ่นะ มันมีอหังการ มันทำใจของมันให้สงบไม่ได้ นี่ไง กินอิ่มนอนอุ่น กิเลสท่วมหัว มันทำความสงบของใจของมันไม่ได้
ถ้าทำความสงบของใจตัวได้ ครูบาอาจารย์ที่ทำความสงบของใจได้ท่านสงวนรักษาสิ่งที่เป็นสัปปายะ ในที่สงัด ในที่วิเวก ในที่ไม่คลุกคลี สิ่งที่เป็นการคลุกคลีคือไปขุดคุ้ย ไปปั่นให้กิเลสมันฟูขึ้นมา สิ่งที่กิเลสมันฟูขึ้นมามันมีความทุกข์ความยากทั้งนั้นน่ะ มันฉุดกระชากหัวใจให้ไปตามอำนาจของมัน
แต่ถ้าเรามีสติมีปัญญาขึ้นมา เราทำของเราได้ ทำที่ไหน สัปปายะ การที่เป็นสัปปายะ การที่สงบระงับอันนั้น ภายนอก สถานที่เป็นสัปปายะ ร่างกายนี้เป็นสัปปายะ หัวใจมันเป็นสัปปายะ ถ้าเป็นสัปปายะ นี่ไง คนที่เขามีสติมีปัญญาเขาหวงตรงนั้นไง ถ้าเขาหวงตรงนั้น หวงแหนตรงนั้น หวงแหนความสงบระงับอันนั้นเพื่อย้อนกลับมาให้หัวใจมันสงบระงับ ถ้าหัวใจมันสงบระงับ จิตใจที่มันสงบระงับอันนั้นมันยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ที่ไหน ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต
เวลามันฟุ้งซ่าน เวลามันทุกข์มันยาก เวลากิเลสมันขี้รดหัวใจ ไม่ต้องบอกหรอก รู้ทุกคน เอาไฟจี้ตัวเอง ใครจะไม่รู้ว่าเจ็บช้ำน้ำใจ ใครจะไม่รู้ว่าเจ็บปวด เอาความร้อนนาบไปที่ตัว ใครจะไม่รู้ว่ามันทุกข์มันยาก ทุกคนรู้ได้ทั้งนั้น แต่จิตสงบไม่เคยเห็น ดับไฟนี่ไม่รู้จัก เวลาเอาฟืนเอาไฟใส่เข้าไป รู้ทุกคน แต่เวลาดับไฟมันดับไม่เป็น ยิ่งครูบาอาจารย์ของเราชักฟืนออกจากไฟ
ทุกคนต้องการฟืนต้องการไฟทุ่มเข้าไปในกองไฟนั้น ต้องการอำนาจ ต้องการชื่อเสียง ไฟนั้นมันก็ให้ความร้อน ให้ความทุกข์ความยากไง แต่ถ้าคนที่เขามีคุณธรรมเขาชักฟืนออกๆ ชักฟืนออก ไฟมันจะดับลง ถ้าไฟมันดับลง สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี
จิตของคนนะ ความสุข ความสงบระงับที่เราแสวงหา เราวิ่งเต้นอ้อนวอนขอร้องอยากได้ ไม่มี นี่นั่งลง หลับตา หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ เวลามันสงบระงับขึ้นมาไม่ต้องถามใคร ไม่ต้องให้ใครบอก
เวลามันฟุ้งซ่าน เวลามันวุ่นวาย มันวิ่งวนอยู่นี่ เราก็รู้ เวลามันสงบเข้ามา สติสัมปชัญญะ มันพุทโธๆ มันเด่นชัด เวลาสติมันสมบูรณ์ขึ้นมา จิตมันสงบเข้ามา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี ถ้าจิตสงบระงับอันนี้ไง ถ้าจิตมันสงบแล้วรักษามันไว้ไง เพราะสรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง มันยังแปรปรวนของมันตลอด ถ้าแปรปรวน เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย เพราะร้าย ถ้ามีสติปัญญาขึ้นมา จากร้ายกลายเป็นดี แต่ส่วนใหญ่แล้วเวลามันร้ายแล้วเราไม่มีสติปัญญาสู้กับมันไง ร้ายชักไปให้ยิ่งร้ายขึ้นไป ร้ายแล้วมันชักไปให้มันเสียหาย ไม่ใช่ร้ายกลายเป็นดีๆ
คนที่ร้ายกลายเป็นดี นี่ไง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนี่ไง ถ้าใครมีสติปัญญา ร้ายกลายเป็นดีๆ ต้องพยายามระงับมันให้ได้ ถ้าระงับความร้ายอันนั้นขึ้นไปแล้วมันจะกลายเป็นดีๆ แล้วร้ายกลายเป็นดีมันอยู่ที่ไหน ถ้ามันร้ายกลายเป็นดีมันทำได้แล้ว มันจะฝังใจของมันไง ถ้าฝังใจของมัน เห็นไหม
คนที่ทำสมาธิได้แล้วพอเวลามันเสื่อมไป ทำสมาธิได้แล้วคลายออกมา จะเข้าทำสมาธิได้อีกยากมาก เพราะมันอยากได้ดี อยากได้ดี เลยไม่ได้ดีไง วางให้หมด ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ มาตรฐานของคน อำนาจวาสนาของคนมาจากการกระทำของคน คนที่เกิดมาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมีความคิด มีระดับอำนาจวาสนาบารมีไม่เท่ากัน ความคิดของคนเลยแตกต่างกัน แตกต่างกันมาก คนคิดดี คิดแต่สิ่งที่ดีๆ คนคิดร้ายมีแต่สิ่งที่ร้ายๆ เห็นไหม ถ้ามีอำนาจวาสนา เราพยายามรักษาของเรา
รักษาของเรา ใช้ปัญญาอบรมสมาธิใคร่ครวญในชีวิตของเรา เราเกิดมาเรามีความดีมากน้อยแค่ไหน เราเกิดมาเราทำอะไรเป็นประโยชน์กับเราบ้าง เป็นประโยชน์กับเรานะ ไม่ต้องเป็นประโยชน์กับคนอื่น ประโยชน์กับคนอื่นมันเกิดจากการทำประโยชน์กับเรา ถ้าเราทำความดีของเรา เราทำความดีของเรา หนึ่ง สังคมร่มเย็นเป็นสุขอยู่แล้ว ในสังคมนั้นมีแต่คนดี สังคมนั้นไม่มีคนยุแหย่ทำลาย มันจะเลวร้ายไปได้อย่างไร มีแต่คนดีๆ คนดีเขาดีโดยตัวเขาเอง ถ้าดีโดยตัวเขาเอง มีแต่คนดีมากๆ ขึ้นไป สังคมนั้นก็ร่มเย็นเป็นสุข ถ้าเราทำคุณงามความดีเพื่อเราๆ ทำคุณงามความดีเพื่อคนคนนั้น ไม่ต้องทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อตัวนั่นแหละ
มันเหมือนคนที่ฉลาดไง ทำคุณงามความดีแล้ว ทำคุณงามความดีเพื่อเรา แต่คนมันโง่ มันพยายามไปเบียดเบียนเขา ทำเพื่อตนๆ เพื่อสมบัติของตน การเบียดเบียนเขา เวรกรรมทั้งนั้นน่ะ ได้สิ่งนั้นมา ได้สร้างเวรสร้างกรรมมา คนมีแต่เอาผลประโยชน์ส่วนตนๆ สร้างแต่ปัญหาให้คนอื่น
ถ้าเราทำเพื่อเรา ทำดีเพื่อเราๆ เราไม่เบียดเบียนใครทั้งสิ้น เรามีน้ำใจต่อเขาทั้งสิ้น คนที่อยู่ในสังคมนั้นได้แต่ความร่มเย็นเป็นสุข มันเกิดจากคุณงามความดีของเราทั้งนั้นน่ะ ทำเพื่อเรานะ ไม่ได้ทำเพื่อใครหรอก ทำเพื่อเราๆ
แต่กิเลสมันไม่คิดอย่างนั้นน่ะ ดีกลายเป็นร้าย ถ้าเห็นว่าเป็นความดี มันเห็นเป็นความเสียเปรียบ ถ้าเป็นความดีของเรา มันหาว่าเราไม่เท่าทันสังคม ถ้าเป็นความดีของเรา มันบอกว่าเราไม่มีศักดิ์ศรี ถ้ามีศักดิ์ศรีต้องไปนั่งอยู่บนหัวคนอื่น กิเลสมันอยากเหยียบย่ำเขา อยากไปนั่งอยู่แต่บนหัวคนอื่น ทั้งที่ว่าก้นมันนั่งลงไปที่พื้น หายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธก็ได้แล้ว ก้นหย่อนไปที่ไหนมันก็มีที่นั่งทั้งนั้นน่ะ กิเลสมันไม่อยากนั่ง มันอยากนั่งบนหัวคนอื่น นี่ไง มันเที่ยวเหยียบย่ำเขา ทำลายเขาทั้งนั้นน่ะ นั่นมันบอกว่าเป็นสมบัติของมัน นี่ดีกลายเป็นร้าย
แต่ทำดีของเรานะ สูงสุดสู่สามัญ คนที่มีศักยภาพ มีมาตรฐานสูงมาก เขาจะนิ่ง ไปที่ไหนนะ เขาจะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เขาจะรักษาดูแลหัวใจของเขา ไอ้คนพาลไปไหนไม่มีใครรู้จัก มันเที่ยวโห่ร้อง ต้องให้คนคอยต้อนรับมัน ต้องให้คนคอยดูแลมัน นั่นน่ะคนพาล คนที่มีสติปัญญาไปไหนเขาไปด้วยความสงบระงับของเขา เขาไปด้วยคุณงามความดีของเขา นี่คุณงามความดีของเขา
ทำเพื่อเราๆ ถ้าทำเพื่อเรา เราทำเพื่อของเราได้แล้วนะ ทำเพื่อเรานะ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ถ้าตนมีที่พึ่งได้ ทำไมคนอื่นจะพึ่งไม่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้พระองค์เดียวสอน ๓ โลกธาตุ ตั้งแต่เทวดา อินทร์ พรหม สอนได้หมดเลย จิตใจของคนถ้าเป็นคนดี กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันต้องหอมทวนลม ความดีอันนั้นปิดไม่อยู่
นี่ไม่ใช่ มีแต่การโฆษณาชวนเชื่อ มีแต่การโฆษณาชวนเชื่อ มีแต่ลมปาก ไม่มีข้อเท็จจริง
ข้อเท็จจริงของครูบาอาจารย์ของเรา ท่านอยู่ป่าอยู่เขา ท่านอยู่ในที่ลับที่อะไร ท่านไม่สนใจเรื่องอย่างนี้เลย เพราะท่านทำเพื่อท่าน ทำเพื่อหัวใจดวงนั้นไง ดวงใจดวงใดไม่มีมรรค ดวงใจดวงนั้นไม่มีผล ดวงใจดวงใดก็แล้วแต่ที่มันมีมรรคขึ้นมา มรรคคืออะไร ดำริชอบ งานชอบ เพียรชอบ มันมีแต่ความชอบธรรม ความชอบอันนั้นมันล้นหัวใจแล้วมันต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ถ้าความชอบธรรมอันนั้นมันล้นหัวใจแล้ว
นี่ไง พระพุทธศาสนาไง วันนี้วันพระไง พระคือผู้ประเสริฐ ใจที่ประเสริฐ เราค้นคว้าหาหัวใจดวงนี้ ไปวัดไปวาก็ไปกราบพระ สมมุติสงฆ์ เป็นครูบาอาจารย์ของเรา ไปอยู่บ้าน พระอรหันต์ในบ้าน พระอรหันต์ในบ้านก็พ่อแม่ของเรา
แต่ถ้าเป็นหัวใจของเราล่ะ พระอรหันต์ในใจของเรา เราฝึกค้นหาหัวใจของเรา ถ้าหัวใจของเราได้ขึ้นมา รสของธรรมชนะซึ่งรสทั้งปวง สติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม คุณธรรมในหัวใจนี้สมบูรณ์ เอวัง